ปรับปรุงต่อเติมบ้าน

ปรับปรุงต่อเติมบ้าน

ปรับปรุงต่อเติมบ้าน

ปรับปรุงต่อเติมบ้าน

ปรับปรุงต่อเติมบ้าน ต่อเติมบ้านแบบ Upside Down สลับการใช้งานจากบนลงล่างการปรับปรุง/ต่อเติมบ้าน ไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้าหากเรารู้สึกว่าบ้านมีพื้นที่ไม่เพียงพอหรือมีสภาพเก่าไม่ไหว ก็ต้องมีการปรับให้สอดคล้องกับการใช้งานและความเปลี่ยนแปลง แต่โดยมากถ้าเป็นบ้านชั้นเดียวทั่วไปก็จะเลือกต่อเติมบ้านขยายออกไปในพื้นที่ว่างด้านข้างหรือด้านหลัง จะมีส่วนน้อยที่ต่อเติมออกมาเป็นอาคารสองชั้น แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มี เพราะเนื้อหานี้ “บ้านไอเดีย”จะพาไปดูโปรเจ็คการปรับปรุงบ้านเดิมสไตล์วิคตอเรียนใน Northcote ที่เพิ่มเป็นอาคารสองชั้นต่อเติมกับบ้านเดิมที่สูงเพียงชั้นเดียว และด้วยลักษณะพื้นที่เนินความสูงไม่เท่า ทำให้บ้านบางส่วนจมลงไปข้างล่าง ส่วนสนามหญ้าและสระกลับด้านมาอยู่ข้างบนแทน

ปรับปรุงต่อเติมบ้าน

การต่อเติมบ้านสองชั้นใน Northcote นี้  เกิดจากความต้องการเพิ่มพื้นที่รวมตัวกันของครอบครัว เนื่องจากเป็นบ้านที่ตั้งใจจะพาเด็กๆ ให้มารวมกันทำกิจกรรมได้สนุก ๆ  สถาปนิกจึงสำรวจพื้นที่ว่าจะสามารถตอบโจทย์ความคาดหวังต่อการใช้งานและรูปแบบกิจกรรมต่าง ๆ ของครอบครัวได้อย่างไร

บทสรุปออกมาเป็นการเติมต่อตัวบ้านสองชั้นต่ออกมาด้านหลัง แล้วสร้างสะพานเชื่อมระหว่างอาคารที่มีอยู่กับสวนด้านหลังที่ลึกลงไป เพื่อรักษาความรู้สึกเปิดโล่งที่สวยงามของสวนด้านหลัง ดีไซน์อาคารชั้นบนโดดเด่นกับหลังคาเฉียงสูงเส้นสายเฉียบคม ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เห็นตรงกันและตัดกันกับรูปทรงสุดฮิปของอาคารเก่าแก่ที่อยู่ข้างหน้า

เราอาจจะคิดว่าบ้านที่มีเนินพื้นที่รายเรียบไม่เท่าเป็นจุดด้อย แต่ไม่ใช่กับที่นี่ เพราะสถาปนิกเลือกการจัดวางฟังก์ชันต่างๆ เอาไว้ในที่ดินที่มีข้อจำกัดได้อย่างน่าสนุก ถ้าเรามองจากภาพบ้านที่เชื่อมต่อกับสนามหญ้าแบบนี้อาจจะคิดว่าอยู่ที่ชั้นล่าง แต่กลับไม่ใช่ เนื่องจากทีมงานวางตำแหน่งสำหรับพื้นที่ใช้สอยร่วมกันในชีวิตประจำวันจะรวมอยู่ที่ชั้นบน ประกอบด้วย ห้องครัว ห้องทานข้าว ห้องนั่งเล่นที่เปิดออกเชิ่อมต่อกับสนามหญ้ากว้างๆ และสระว่ายน้ำขนาดย่อม ส่วนโซนพักผ่อนส่วนตัวสงบ ๆ อย่างห้องนอนถูกจัดตำแหน่งให้อยู่ลึกลงไปที่ชั้นล่าง ทำให้ดูเหมือนบ้านนี้จะกลับหัวกับบ้านทั่วไปค่อยๆ ไล่ฟังก์ชันจากบนลงล่าง

ปรับปรุงต่อเติมบ้าน

ตกแต่งในสไตล์โมเดิร์นมินิมอล

ห้องครัวและห้องทานข้าวจัดตกแต่งในสไตล์โมเดิร์นมินิมอล เน้นการใช้ไม้อัดตกแต่งบริเวณผนังและเพดานดูอบอุ่น ตัดกันฉับกับชุดเครื่องครัวสีดำ ผนังกระจกและหลังคาที่เฉียงสูงทำให้รู้สึกถึงสเปซที่ชวนให้รู้สึกว่าบ้านกว้าง พื้นที่นี้สามารถเชื่อมต่อขยายพื้นที่บ้านออกไปยังสนามหญ้าและสระว่ายน้ำได้ง่ายๆ เหมาะสำหรับขึ้นมาใช้ทำกิจกรรมสำหรับครอบครัวในช่วงกลางวัน และยังเป็นกว้างรองรับการมาเยือนของครอบครัวญาติ ๆ เพื่อนบ้านได้อีกด้วย

ระหว่างอาคารสองด้านจะมีโถงบันไดและหลังคากระจกแนวยาว ซึ่งไม่ได้มีหน้าที่แค่นำแสงธรรมชาติมาสู่ใจกลางห้องนั่งเล่นและห้องใต้ดินด้านล่างเท่านั้น แต่ยังแยกบ้านที่เป็นมรดกดั้งเดิมและส่วนร่วมสมัยของบ้านหลังนี้ออกจากกันอย่างแนบเนียน สังเกตด้านผนังอิฐสีแดงภายนอกที่มีอยู่ นั่นคือของเดิมที่ยังคงไว้เป็นฉากหลังของพื้นที่ใช้สอยใหม่ เสริมด้วยโทนสีวัสดุธรรมชาติของคอนกรีตขัดมัน หินขัด และไม้เพิ่มเข้าไป

ตกแต่งในสไตล์โมเดิร์นมินิมอล

ทางเข้าด้านข้างแบบใหม่ช่วยให้เข้าถึงพื้นที่ใช้สอยของครอบครัวได้โดยตรง และเปลี่ยนบ้านทึบ ๆ แบบเดิมให้เป็นบ้านครอบครัวแบบหลายโซน พร้อมการเชื่อมต่อที่แน่นแฟ้นระหว่างห้องนอน 2 ห้องที่อยู่ด้านล่างได้ทั้งสองด้านเช่นกัน

จากนั้นบน ค่อย ๆ เดินตามโถงบันไดลองมาชั้นล่าง ซึ่งตรงจุดนี้จะมีช่องแสง Skylight ให้ความสว่างตามวิถีธรรมชาติในช่วงกลางวัน แต่จะโดดเด่นขึ้นด้วยลำแสงไฟซ่อนแบบ indirect light ที่แผ่นกระจายออกมาจากขั้นบันไดอย่างนุ่มนวล

ห้องนอนที่เหมือนถูกฝังตัวลึกอยู่ชั้นล่าง ดูสงบเป็นส่วนตัวจากสายตาผู้คนชวนให้หลับสบาย ด้านข้างมีภูมิทัศน์สวนส่วนตัวและยังมีบันไดภายในผ่านสวน จึงสามารถเข้าถึงชั้นบนได้อีกด้านโดยที่ไม่ต้องผ่านเข้าไปด้านในการจัดโซนนิ่งในบ้านแบบนี้อาจจะดูแปลก เพราะบ้านที่เราคุ้นมักยกห้องนอนขึ้นไปอยู่ชั้นบน แต่ public space จะอยู่ข้างล่าง แต่ทุกอย่างกำหนดขึ้นมาจากการได้พูดคุย ปรึกษา

ขั้นตอนรีโนเวท

บ้านสองชั้น ลักษณะการใช้ชีวิตและความเคลื่อนไหวที่ต้องการในบ้าน ทำให้ทุกอย่างลงตัวในแบบนี้เจ้าของบ้านชื่นชอบตัวอาคารเก่าที่อยู่ด้านหน้าติดถนน สร้างจากผนังอิฐตกแต่งรายละเอียดอ่อนช้อยตามสมัยนิยม ณ ยุคนั้น ซึ่งมีความคลาสสิคคงคุณค่าให้อิ่มเอมใจ เจ้าของบ้านจึงยังคงของเดิมไว้แม้จะมีข้อจำกัด แต่ต่อเติมอย่างถ่อมตัวอยู่ข้างหลังบ้านควรมี Zoning  หรือการจัดการโซนใช้งานที่ชัดเจน ซึ่งส่วนใหญ่แบ่งลำดับการเข้าถึงไว้คร่าวๆ แบ่งเป็น 3 โซน

คือ พื้นที่ใช้งานสาธารณะ (Public Zone) ได้แก่ เฉลียง ระเบียง ชาน คอร์ทยาร์ดนอกตัวบ้าน บริเวณห้องรับแขก ส่วนต่อมาจะเป็นพื้นที่กึ่งสาธารณะ (Semi-public Zone) ที่อาจมีคนเดินผ่านไปมาใช้งานช่วงกลางวันเป็นประจำ อาทิ ห้องครัว ห้องรับประทานอาหาร รวมถึงห้องนั่งเล่น และระดับสุดท้ายเป็นโซนส่วนตัว (Private Zone) จะค่อนข้างสงบ ไม่พลุกพล่าน  เช่น ห้องนอน ห้องน้ำ เป็นต้น ซึ่งการใช้งานไม่จำำเป็นว่าต้องจัดห้องนั่งเล่นไว้ชั้นล่าง ห้องนอนไว้ชั้นบน แต่ละบ้านสามารถสลับตำแหน่งได้ตามความเหมาะสม และความสะดวกในการใช้งาน

ขั้นตอนรีโนเวท ต่อเติมบ้านอย่างไร

1. ลองใช้ ลองอยู่ไปก่อน

ในกรณีบ้านที่อยู่อาศัยเดิม เจ้าของบ้านย่อมรู้ความต้องการอย่างแท้จริงแล้ว แต่สำหรับท่านที่ซื้อบ้านเก่ามือสอง แรกเริ่มเมื่อเห็นบ้านเสื่อมโทรม ย่อมต้องมีจินตนาการในการปรับรีโนเวทไว้มากมาย แต่หากต้องการประหยัดงบในการรีโนเวท แนะนำให้ทดลองอยู่จริงไปสักระยะก่อนครับ เพราะเมื่อทดลองอยู่จริงไปสักระยะแล้ว บางจุดที่ต้องการรีโนเวทในแรกเริ่ม อาจยังสามารถใช้งานได้ดีไม่จำเป็นต้องรีโนเวทอีกต่อไป หรืออาจมีบางจุดที่บกพร่อง แต่ยังไม่เห็นในตอนแรก การลองอยู่จริงเป็นเสมือนการรอให้เห็นปัญหาที่แท้จริง จะได้ทำการรีโนเวทพร้อมกันในครั้งเดียวครับ

2. ให้วิศวกรมาประเมินหน้างาน

การปรับปรุงเล็ก ๆ เจ้าของบ้านอาจหาช่างทั่วไปมาทำให้ได้ แต่หากการปรับปรุงต่อเติมดังกล่าวมีผลกับโครงสร้าง จำเป็นต้องติดต่อหาวิศวกรมาประเมินโครงสร้างก่อนเสมอ มิเช่นนั้นอาจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้ โดยวิศวกรจะทำหน้าที่ประเมินความแข็งแรงของโครงสร้างเดิม รวมทั้งการวิเคราะห์คำนวณการรับน้ำหนักส่วนต่อเติมใหม่ เพื่อหากระบวนการต่อเติมที่เหมาะสมในโจทย์งานนั้น ๆ ในขั้นตอนนี้หากเจ้าของบ้านมีแบบบ้านเดิม จะช่วยให้การตรวจสอบสะดวกและแม่นยำยิ่งขึ้น กรณีซื้อบ้านมือสองมา จึงควรขอแบบบ้านจากเจ้าของเดิมไว้ด้วยนะครับ

3. ขออนุญาตและกฎหมายที่ต้องรู้

สิ่งที่เจ้าของบ้านต้องรู้ เมื่อมีการต่อเติมพื้นที่ใช้สอยใด ๆ ที่มีเสา คาน ตั้งแต่ 5 ตร.ม. ขึ้นไป จำเป็นต้องขออนุญาตต่อเติมจากหน่วยงานท้องถิ่นนั้น ๆ เสมอ โดยการต่อเติมจะอิงกฎหมายเดียวกับการขออนุญาตก่อสร้าง ทั้งการเว้นระยะร่น การเปิดช่องแสง ช่องลม ความสูงของอาคารและพื้นที่ว่างในบริเวณที่ดินของแปลงนั้น ๆ

อย่างไรก็ตามแม้จะมีกฎหมายควบคุม แต่การต่อเติมจริงเจ้าของบ้านส่วนใหญ่มักละเลยที่จะขออนุญาต สิ่งที่ต้องระมัดระวังคือ หากการต่อเติมนั้นส่งผลกระทบกับการอยู่อาศัยของเพื่อนบ้าน และเป็นการต่อเติมที่ละเมิดต่อกฎหมาย เพื่อนบ้านมีสิทธิ์ที่จะร้องเรียนได้ ซึ่งหากเกิดคดีความขึ้นมา ผู้ต่อเติมอาจได้รับโทษทั้งจำและปรับ และอาจถูกสั่งรื้อ ทุบทิ้ง ในส่วนที่ผิดกฎหมาย เพราะฉะนั้นทำให้ถูกต้องก่อน ย่อมดีที่สุดครับ

4. ติดต่อว่าจ้างผู้รับเหมา

เมื่อให้สถาปนิกและวิศวกรทำการประเมินหน้างานและออกแบบเรียบร้อยแล้ว เจ้าของบ้านนำแบบต่อเติมดังกล่าวให้ผู้รับเหมาประเมินราคาก่อสร้าง โดยเอกสารสำคัญที่ต้องมีคือสัญญาการว่าจ้าง พร้อมกับให้ผู้รับเหมาจัดทำรายการแสดงวัสดุและค่าแรงก่อสร้าง (BOQ) เพื่อที่จะได้แจกแจงรายการต่าง ๆ อย่างชัดเจน เอกสารสำคัญเหล่านี้จะช่วยป้องกันการเกิดปัญหาภายหลังได้ครับ

นอกจากนี้เจ้าของบ้านจำเป็นต้องพูดคุยกับผู้รับเหมาให้ชัดเจนก่อนว่าจ้าง เพราะบ่อยครั้งที่เจ้าของบ้านต้องพบเจอกับผู้รับเหมาที่บอกไม่หมด ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ภายหลัง เป็นเหตุให้งบประมาณที่กำหนดไว้แรกเริ่มบานปลายได้ และเมื่อตกลงราคากันได้แล้ว ให้ทำการนัดหมายผู้รับเหมาไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะหากต้องการใช้บริการผู้รับเหมาคุณภาพดี ย่อมต้องมีคิวงานแน่นเสมอครับ

5. เตรียมพื้นที่ก่อนเริ่มงาน

การต่อเติมที่ชิดขอบเขตที่ดิน พรบ.ควบคุมอาคาร อนุญาตให้สามารถต่อเติมชิดขอบเขตที่ดินได้มากถึง 50 เซนติเมตร หรือ สามารถชิดขอบเขตที่ดินได้กรณีมีเพื่อนบ้านเซ็นรับรองให้ แต่การทำงานจริง ช่างจำเป็นต้องใช้พื้นที่ในการทำงาน เจ้าของบ้านจึงจำเป็นต้องวางแผนเส้นทางการทำงาน เพื่อไม่ให้งานต่อเติมนั้น ๆ มีผลกระทบกับเพื่อนบ้านหรือมีผลกระทบกับส่วนอื่น ๆ ที่เจ้าของบ้านยังอยู่อาศัย

6. แจ้งเพื่อนบ้าน และนิติบุคคลโครงการ

ทุก ๆ การก่อสร้าง ย่อมมีผลกระทบกับเพื่อนบ้านเสมอ ทั้งผลกระทบด้านเสียง ฝุ่น และการสัญจรอื่น ๆ หากต้องการต่อเติมใด ๆ ผู้เป็นเจ้าของบ้านควรแจ้งให้เพื่อนบ้านข้างเคียงได้ทราบทุกครั้ง การแจ้งนอกจากจะเป็นการขออนุญาตในการรบกวนแล้ว ยังช่วยผูกมิตรไว้กับเพื่อนบ้าน เพื่อนบ้านจะทราบว่าเรากำลังทำอะไร ระยะเวลากี่วัน

ในกรณีบ้านอยู่ภายในโครงการจัดสรร นอกจากบ้านข้างเคียงแล้วจำเป็นต้องแจ้งนิติบุคคลโครงการ เพื่อให้นิติบุคคลทราบถึงการเข้ามาของบุคคลภายนอก ทั้งผู้รับเหมา รถขนส่งวัสดุก่อสร้าง บางโครงการจะมีกฎระเบียบควบคุมอย่างชัดเจน เช่น อนุญาตให้ทำงานได้ในช่วงเวลา 8.00 – 17.00 น. เท่านั้น หรือ งดดำเนินงานก่อสร้างในช่วงวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ เพราะจะกระทบกับการพักผ่อนของบ้านข้างเคียง เจ้าของบ้านจึงจำเป็นต้องดูกฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อวางแผนงานร่วมกับผู้รับเหมาครับ

7. ขอสินเชื่อ เมื่อพร้อม

การต่อเติมและรีโนเวทบ้าน มักมีค่าใช้จ่ายมากถึงหลักแสน หลักล้าน ผู้อ่านหลายท่านจึงเลือกวิธีขอสินเชื่อเพื่อจะได้เกิดสภาพคล่องทางการเงิน บ้านไอเดียนำหัวข้อนี้ไว้ท้ายสุด เพื่อต้องการให้ผ่านกระบวนการต่าง ๆ ทั้งหมดก่อน ถึงจะค่อยวางแผนสินเชื่อ เพราะหากขอสินเชื่อไว้ตั้งแต่แรกเริ่ม ระยะเวลาในการดำเนินงานต่าง ๆ อาจล่าช้าได้ หากขอสินเชื่อไว้ก่อนที่จะดำเนินการต่าง ๆ จะส่งผลให้ผู้ขอสินเชื่อชำระดอกเบี้ยไปโดยเปล่าประโยชน์ ส่งผลให้ต้นทุนค่าใช้จ่ายสูงขึ้น การขอสินเชื่อเมื่อกระบวนการต่าง ๆ พร้อมแล้ว จึงช่วยให้ผู้กู้จ่ายดอกเบี้ยน้อยลงครับ

และอีกหนึ่งสิ่งที่ควรตรวจสอบก่อนขอสินเชื่อ คือ  จำนวนเงินที่เราต้องการกู้ มีอัตราดอกเบี้ยต่อระยะเวลาในการผ่อนชำระเท่าไรและในแต่ละงวดเราต้องผ่อนเท่าไร โดยสามารถคำนวณการผ่อนชำระสินเชื่อส่วนบุคคลก่อนได้ เป็นการวางแผนอย่างรอบคอบ เพื่อความสอดคล้องกับสถานะการเงิน จะได้ผ่อนอย่างสบายใจในทุก ๆ  เดือน